สาเหตุการเกิด สิวอุดตัน (comedonal acne) สิวอักเสบ (inflamed acne) ที่แก้ม ที่หน้าผาก และที่คาง สามารถแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้ 3 กลุ่มดังนี้
1. สิวเกิดจากการระคายเคือง เนื่องจากการใช้ผลิตภัณฑ์ เช่น ครีมบำรุงผิว หรือเครื่องสำอางต่างๆ และในบางครั้งอาจเกิดจากยาสระผมหรือยาสีฟันได้เช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีการระคายเคืองอีกประเภทหนึ่งที่สามารถพบได้ แต่พบไม่มากนัก คือ เกิดจากสิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่น หรืออากาศที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งโดยทั่วไปต้องใช้การสังเกต เพื่อที่จะได้ทราบว่าปัจจัยที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองคืออะไร สำหรับสิวที่เกิดจากสาเหตุนี้มักจะมีผื่นร่วมด้วย และในบางครั้งอาจมีอาการแสบ แดง แห้ง ลอก หรือคันร่วมด้วย
2. สิวเกิดจากฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนซึ่งเป็นไปตามช่วงอายุนั้น ในบางกรณีพบว่ามีผลทำให้เกิดสิวขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น และมักจะทำให้เป็นสิวตลอด ดังนั้นจึงต้องดูแลอย่างสม่ำเสมอจนกระทั่งเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ และอีกกรณีหนึ่งคือ เมื่อมีการตั้งครรภ์ เนื่องจากในช่วงตั้งครรภ์จะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งหลังจากคลอดบุตรแล้ว ผิวก็จะกลับมาเป็นปกติ
3. สิวเกิดจากความเครียดหรือการนอนดึก บางครั้งถ้าต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบหรือทำงานหนักจะพบว่ามีสิวอักเสบเกิดขึ้นและบางครั้งจะพบว่าใบหน้ามีความมันมากขึ้นด้วย ความเครียดหรือการนอนดึกนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในระยะสั้น ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้เป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวได้
อาการของสิว
สิวสามารถแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้ 2 กลุ่มดั้งนี้
1. สิวอุดตัน
สิวอุดตันสามารถแบ่งได้เป็นแบบหัวปิดและหัวเปิด สำหรับแบบหัวปิดจะมีลักษณะเป็นเม็ด มีหัวนูนขึ้นมาจากผิวหนังขนาดเล็กประมาณ 0.5-1 มิลลิเมตร ถ้าสัมผัสจะรู้สึกว่าเป็นเม็ดแข็งๆ แต่เมื่อใช้นิ้วกดจะไม่รู้สึกเจ็บ ถ้าดึงผิวบริเวณนั้นให้ตึงจะเห็นหัวสีขาว สำหรับแบบหัวเปิดจะพบว่าบริเวณหัวสิวมีสีดำและเมื่อดูใกล้ๆจะเห็นรูที่หัวสิว สำหรับลักษณะและอาการอื่นๆจะเหมือนกับแบบหัวปิด
2. สิวอักเสบ
สิวอับเสบจะเป็นเม็ดสีแดงนูนขึ้นมาขนาด 1-5 มิลลิเมตร เมื่อจับจะรู้สึกเจ็บ ในช่วง 1-2 วันแรกจะยังไม่มีหนอง แต่หากยังไม่ได้รับการรักษาอาจจะมีหนองเกิดขึ้นได้และจะเจ็บมากขึ้น ในบางกรณีจะสังเกตเห็นสีขาวเหลืองที่หัวของสิว ซึ่งก็คือหนองที่เกิดขึ้นจากการอักเสบของหัวสิว
การรักษา และการป้องกันการเกิดสิว
การรักษาสิวและระยะเวลาที่ใช้ขึ้นอยู่กับสาเหตุของการเกิดสิว ซึ่งการรักษาที่ไม่ถูกวิธีอาจจะทำให้สิวไม่หายหรือกลับมาเป็นใหม่เมื่อหยุดยา จากหัวข้อก่อนหน้านี้ สิวแบ่งออกเป็นสิวอุดตันและสิวอักเสบ สิวอุดตันสามารถรักษาโดยการใช้ยาและกดออก หรือการใช้เลเซอร์เพื่อเปิดหัวสิวแล้วกดออก สำหรับสิวอักเสบสามารถทายาร่วมกับการทานยาเพื่อลดอาการอักเสบ รวมไปถึงการฉีดสิว ซึ่งจะทำให้สิวเม็ดที่ฉีดยุบลงภายใน 1-2 วัน โดยปกติการรักษาสิวจะเริ่มเห็นผลในสัปดาห์ที่สองขึ้นไป และจะเห็นผลชัดเจนในสัปดาห์ที่สี่ อย่างไรก็ตาม ผลของการรักษายังขึ้นอยู่กับองค์ประกอบอื่นๆ เช่น ความต่อเนื่องของการใช้ยา และการควบคุมสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว สำหรับในปัจจุบันได้มีการทำทรีทเม้นท์ที่ช่วยรักษาสิวและการระคายเคือง ซึ่งจะช่วยให้การรักษาเห็นผลได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
การรักษาสิวควรจะสอดคล้องกับสาเหตุ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและสามารถควบคุมการเกิดของสิวใหม่ ซึ่งสาเหตุของสิวสามารถแบ่งเป็น การระคายเคือง ฮอร์โมน และความเครียด โดยวิธีการรักษาและการควบคุมในแต่ละประเภท สามารถอธิบายได้ดังนี้
1. การระคายเคือง
สิวที่เกิดจากการระคายเคืองหรือแพ้จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการแพ้และระยะเวลาที่แพ้ โดยหากมีอาการรุนแรงจะพบว่ามีสิวอุดตันหัวปิดขนาดใหญ่จำนวนมากฝังอยู่ใต้ผิวหนัง ร่วมกับการเกิดสิวอักเสบอย่างรุนแรง ซึ่งในกรณีนี้นอกจากการใช้ยาทาแล้ว อาจจำเป็นต้องทานยาเพื่อช่วยลดอาการอักเสบร่วมด้วย สำหรับในกรณีที่การแพ้ยังคงมีอยู่ จำเป็นต้องรักษาอาการแพ้ร่วมด้วย เพื่อควบคุมสาเหตุของการเกิดสิว สิวที่เกิดจากการแพ้เมื่อรักษาหายแล้วจะไม่กลับมาเป็นอีก อย่างไรก็ตามถ้าเป็นอาการแพ้อย่างรุนแรงหรือเป็นนานก็อาจจะทำให้สภาพผิวแพ้ได้ง่าย รวมไปถึงเป็นสิวได้ง่าย
2. ฮอร์โมน
สิวที่เกิดจากฮอร์โมนจะเกิดขึ้นตลอด เนื่องจากฮอร์โมนเป็นสิ่งที่ผลิตขึ้นในร่างกายตลอด ดังนั้นระหว่างการรักษาก็จะช่วยทำให้สิวลดลง แต่เมื่อหยุดการรักษา สิวสามารถที่จะกลับมาใหม่ได้ ซึ่งในกรณีนี้จำเป็นต้องรักษาต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามการทานยากลุ่มที่ช่วยปรับสภาพผิวมีส่วนอย่างมากในการป้องกันการเกิดสิว แต่จำเป็นต้องทานในช่วงเวลาที่นานประมาณ 4-5 เดือน ซึ่งหลังจากหยุดยาประมาณ 7 - 12 เดือน สิวอาจจะกลับมาใหม่ได้เช่นกัน
3. ความเครียดและนอนดึก
สิวที่เกิดจากความเครียดหรือการนอนดึกเป็นสิวที่เกิดขึ้นในระยะสั้นๆ ดั้งนั้นการรักษาก็จะเป็นไปตามอาการ คือการทายาหรือฉีดสิวที่อักเสบ และเมื่อสิวหายแล้ว ก็สามารถที่จะหยุดยาได้
สาเหตุการเกิดสิวเสี้ยนสามารถอ่านได้จาก วิธีกำจัดสิวเสี้ยนถาวร
คำถามเกี่ยวกับสิวที่พบบ่อย
ทำไมสิวไม่หายขาด?
สาเหตุที่สิวเป็นๆ หายๆ เนื่องมาจาก สิวมีปัจจัยกระตุ้นอยู่หลายอย่าง เช่น การแพ้ครีมหรือเครื่องสำอางค์ ความเครียด และการนอนไม่พอ ถ้าปัจจัยเหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไข ก็จะส่งผลให้สิวอาจกลับมาเป็นใหม่ได้ ดังนั้นการรักษาสิวที่ดีควรวิเคราะห์และจัดการกับต้นเหตุของสิวควบคู่ไปด้วย เพื่อให้สิวไม่กลับมาเป็นใหม่
การบำรุงโครงสร้างผิวให้แข็งแรงก็เป็นส่วนช่วยลดโอกาสการกลับมาใหม่ของ การบำรุงดังกล่าวสามารถทำโดยการรับบริการทรีทเม้นท์บำรุงผิวหน้า ทรีทเม้นท์เหล่านี้จะช่วยให้การจัดเรียงของเซลล์ผิวดีขึ้น และผิวมีสุขภาพผิวที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้โอกาสการเกิดสิวลดลง
หลังจากหยุดการรักษาสิวแล้วจะกลับมาเป็นอีกมั้ย?
การกลับมาเป็นใหม่หรือไม่ ขึ้นอยู่กับสาเหตุของการเกิดสิวและความสมบูรณ์ของการรักษา ถ้าสาเหตุของการเกิดสิวคือความเครียดหรือการนอนดึก สิวก็จะไม่กลับมาเป็นอีก แต่ถ้าเกิดจากฮอร์โมนก็จะมีโอกาสกลับมาเป็นใหม่ จึงต้องดูแลอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ความไม่สมบูรณ์ของการรักษายังมีผลอย่างมากในการกลับมาของสิว ในกรณีของสิวที่เกิดจากการแพ้ หลังจากการแพ้ประมาณ 1-2 สัปดาห์จะเริ่มมีสิวอุดตัน โดยสิวเหล่านี้ในบางกรณีพบว่าอยู่ใต้ผิวหนัง ซึ่งจำเป็นต้องดึงผิวให้ตึงจึงจะสังเกตเห็นได้ การทายาจะไม่สามารถกำจัดได้ และถ้าไม่ได้กดออกก็จะทำให้เป็นสิวอักเสบอย่างต่อเนื่องหลังจากรักษา
ใช้เวลานานแค่ไหนในการรักษา?
ระยะเวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับว่าเป็นสิวมากน้อยเพียงใด การควบคุมต้นเหตุของสิว ความต่อเนื่องของการรักษาและการใช้ยา โดยปกติการรักษาจะเริ่มดีขึ้นในสัปดาห์ที่ 2 และจะเห็นผลชัดเจนในสัปดาห์ที่ 4
สามารถแต่งหน้าได้ไหม?
ควรจะหลีกเลี่ยงการแต่งหน้า เนื่องจากการแต่งหน้าอาจจะทำให้เกิดสิวอุดตันได้
รอยสิวจะหายไหม?
รอยสิวที่เกิดจากการอักเสบจะใช้เวลาต่างกันในการรักษา ถ้าสิวอักเสบไม่นานก็จะหายไว แต่ถ้าเป็นสิวที่เกิดซ้ำๆที่เดิมก็จะเวลานานมากขึ้น
ต้องการรักษาสิว »
ดูข้อมูล ทรีทเม้นท์หน้าทั้งหมด »
ในกรณีที่มีข้อสงสัยสามารถ นัดปรึกษาฟรีได้ที่ »
การเดินทางมาจาก อโศก | ทองหล่อ | เอกมัย | อ่อนนุช | บางจาก | อุดมสุข | บางนา | แบริ่ง
|